Thursday, May 2, 2019

บทที่ 1 สามีสุดที่รักและผู้หญิงคนนั้นของเขา

 การใช้เวลาว่างอันน้อยนิดของตัวเองในการถ่อมาดูหน้ากิ๊กของสามีถึงที่ทำงานเขา เป็นสิ่งที่ไม่เคยอยู่ในสารบบความคิดของปณาลีมาก่อนเลยในชีวิต ที่สำคัญ...นับตั้งแต่แต่งงานมากว่าหกปี ธีวริทธิ์ไม่เคยทำอะไรให้เธอหวาดระแวงหรือรู้สึกไม่เชื่อใจเขาเลยสักครั้ง
กระทั่งตอนนี้ที่เธอต้องยอมแหกกฏตัวเองด้วยการฝ่าดงรถติดมาดูหน้าหญิงสาวต้องสงสัยจนถึงที่ หนำซ้ำยังเคยแม้กระทั่งสะกดรอยตามสามีเพื่อจับผิดเขามาแล้วสองครั้งด้วยกัน ซึ่งมันนับเป็นเรื่องที่สั่นคลอนศักดิ์ศรีและความเคารพตัวเองของเธอไม่น้อยเลยทีเดียว
'อย่าคิดแบบนั้นสิเปิ้ล นี่มันเป็นเรื่องธรรมดามากที่เมียอย่างเปิ้ลจำเป็นต้องทำ เพราะยายเด็กนั่นมันร้ายลึก ท่าทางหงิมๆ ติ๋มๆ ดูเรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ของนางน่ะจริงๆ แล้วคือไว้ใจไม่ได้เลยสักนิดนะจะบอกให้ ดังนั้นเปิ้ลจะมัวมาเหนียมอายวางตัวเป็นเมียหลวงผู้แสนดี...'
'เดี๋ยว... อย่าเพิ่งมอบตำแหน่งนั้นให้สิ ไม่อยากได้นะ'
'เออๆๆ งั้นเมียผู้แสนดีเฉยๆ ก็ได้'คนพูดค้อนเคืองเบาๆ'เปิ้ลจะเป็นเมียแสนดีที่เอาแต่นิ่งเฉยไม่สนใจไยดีกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ รู้ไหมว่ายายนั่นน่ะทั้งสวยทั้งใสทั้งสาวพริ้ง กิริยาท่าทางก็อ่อนหวานน่ารักน่าเอ็นดูไปซะหมด ช่างพูดช่างคุย แล้วก็ออดอ้อนออเซาะเก่งที่หนึ่ง แถมยังเด็กกว่าเราเกือบสิบปี แล้วก็ได้ข่าวว่านางหน้าเหมือนผู้หญิงที่ชื่อมนรดายังกับแกะ สมัยก่อนคุณธีเคยรักเคยหลงมนรดาจนสุดสวาทขาดใจเลยไม่ใช่เหรอ แล้วยายนี่ก็ดันชื่อมนเหมือนกันอีกด้วย หนำซ้ำยังเด็กกว่าตั้งหลายปี!'
คำพูดอย่างใส่อารมณ์ดัส่วนตัวของแพทย์หญิง 'พราวรุ้ง'ลูกพี่ลูกน้องของแพทย์หญิง 'มัทนาเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเธอ เป็นสิ่งที่ทำให้ปณาลีเริ่มรู้สึกร้อนรนขึ้นมาบ้างหลังจากพยายามวางเฉยกับเรื่องของ'ธีวริทธิ์'กับ 'นิศามน'มาตลอด
นิศามนเริ่มเข้ามาทำงานกับธีวริทธิ์เมื่อไม่กี่เดือนก่อนภายใต้ทีมงาน 'สตาร์ตอัพ'ซึ่งมีธีวริทธิ์เป็นนายทุนใหญ่ที่ซัพพอร์ตทั้งเงินทุนและพื้นที่ในการทำงานภายในอาคารสำนักงานของเขาเอง สตาร์ตอัพดังกล่าวเป็นโปรเจ็กต์ทางธุรกิจที่กำลังวิจัยและพัฒนาแพลตฟอร์มตัวหนึ่ง โดยมีเป้าหมายจะเติบโตเป็น 'ยูนิคอร์นภายในระยะเวลาห้าปีนี้
นิศามนอายุยี่สิบห้าปี มีภาพลักษณ์ที่เห็นได้ชัดคือเป็นคนทันสมัยใฝ่รู้ สวยน่ารัก อัธยาศัยดี มีน้ำใจ และตั้งใจทำงานเป็นอย่างมาก ผู้ร่วมงานแทบทุกคนล้วนชอบหล่อนกันทั้งนั้น แต่พราวรุ้งซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกับนิศามนมาช้านานกลับเกลียดขี้หน้าหล่อนอย่างหนักและคอยเป่าหูปณาลีให้หวาดระแวงสามีมาตลอดนับตั้งแต่นิศามนเข้ามาทำงานกับธีวริทธิ์ เรื่องนี้มัทนาซึ่งเป็นญาติกับพราวรุ้งวิเคราะห์ว่ามันอาจจะไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลยนอกจากเป็นแค่เรื่องการไม่ถูกชะตากับความขี้อิจฉาของผู้หญิง

"คุณธีเพิ่งขึ้นไปประชุมที่ชั้นสิบห้าไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนนี้เองค่ะ กว่าจะออกมาน่าจะอีกเกือบสองชั่วโมง เดี๋ยวเจนจะพาคุณหมอไปดูหน้ายายเด็กนั่นเอง"
พอปณาลีฟัง 'เจนจิราบอกด้วยท่าทางมุ่งมั่นจริงจังแล้วก็ได้ยิ้มเจื่อนแบบวางสีหน้าแทบไม่ถูก หล่อนเป็นญาติของพราวรุ้งที่อยู่บ้านติดกับนิศามนเช่นกัน และมีอคติกับนิศามนไม่ต่างกับพราวรุ้งเลย ปณาลีต้องพยายามรั้งใจตัวเองไว้ไม่ให้รีบด่วนสรุปและคล้อยตามเจนจิรากับพราวรุ้งอย่างมีอคติ เธอพยายามทำใจให้กว้างไว้แม้ว่าตอนนี้ความหวาดระแวงจะคืบคลานเข้าครอบงำความรู้สึกรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ยังไม่เคยเจอตัวจริงนิศามนเลยสักครั้ง
บานประตูออฟฟิศซึ่งเป็นพื้นที่ดำเนินงานของทีมสตาร์ตอัพถูกดึงให้เปิดออกก่อนที่เจนจิราจะทันใช้งานคีย์การ์ดในมือหล่อน ปณาลีไม่ต้องเสียเวลาเดาก็รู้เลยว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือนิศามน ใบหน้าหวานละมุนน่ามองของหล่อนหล่อนเตือนให้เธอนึกถึงมนรดาขึ้นมาในทันที
"นี่แพทย์หญิงปณาลี ชญานนท์ ภรรยาคุณธีวริทธิ์ เธอยังไม่เคยเจอคุณหมอใช่ไหมจ๊ะ" เจนจิราทำเสียงข่มขวัญฝ่ายตรงข้ามอย่างได้ที ปกติถ้าอยู่ต่อหน้าธีวริทธิ์เธอจะไม่ทำแบบนี้เด็ดขาด แม้จะไม่ชอบหน้านิศามนมากแค่ไหนก็ต้องแกล้งทำเฉย เพราะรู้ดีว่าตอนนี้ทีมของหล่อนเป็นที่โปรดปรานของธีวริทธิ์พอสมควร และหล่อนก็เป็นหนึ่งในทีมงานคนโปรดของเขาเช่นกัน
หลังจากเจนจิราบอกให้ทราบ นิศามนก็รีบยกมือไหว้ปณาลีอย่างนอบน้อมโดยไม่มีอาการแข็งขืนและไม่มีท่าทีวางตัวเป็นศัตรูเลยแม้แต่น้อย จนปณาลีอดคิดในแง่ร้ายกาจไม่ได้ว่า ถ้าหากนิศามนดูแย่กว่านี้สักนิด...เธออาจจะรู้สึกโล่งใจมากกว่านี้ แต่นี่...หล่อนช่างไร้ที่ติจนทำให้ความอึดอัดไม่สบายใจของเธอเพิ่มพูนขึ้นอย่างไร้เหตุผล
"เธอกำลังจะไปธุระที่ไหนรึเปล่า ถ้าไม่ใช่งานสำคัญอะไร ช่วยอยู่อธิบายความคืบหน้าของโปรเจ็กต์สตาร์ตอัพในทีมเธอให้คุณหมอฟังเพิ่มเติมหน่อยได้ไหม" เจนจิรายังคงบอกด้วยอาการวางท่าเหนือกว่าเช่นเดิม จนปณาลียิ่งอึดอัดเข้าไปใหญ่ เพราะมันทำให้เธอดูเหมือนเป็นพวกก๊วนนางร้ายตัวแสบที่พากันมารุมยำนางเอกไร้ทางสู้ยังไงยังงั้น
"แต่คุณธีไม่ได้บอกไว้นี่คะว่า..."
"เอ๊ะ!นี่เธอจะปฏิเสธเหรอ คุณหมอเป็นภรรยาคุณธี แล้วคุณหมอกับพี่ชายคุณหมอก็เป็นทีมแพทย์ที่อยู่ในระบบของเธอด้วยนะ มีเหตุผลอะไรไม่ทราบที่เธอจะไม่พูดเรื่องโปรเจ็กต์ให้คุณหมอฟัง"
"คือว่า..." นิศามนมีท่าทีลังเลไม่แน่ใจ "เรื่องนี้จริงๆ น่าจะให้คุณแพต..."
"แล้วคุณแพตไปไหน"
"ออกไปพบเอเจนต์จากจีนค่ะ"
'แพต'หรือ 'พลิศ'คือหัวหน้าทีมสตาร์ตอัพซึ่งเป็นคนออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมา เขาพาทีมเข้าแข่งขันและชนะการประกวดจากหลายสถาบัน รวมถึงจากนานาประเทศทั่วโลก จนกระทั่งได้ตัดสินใจนำโปรเจ็กต์ดังกล่าวเข้ามาร่วมงานกับธีวริทธิ์ในที่สุด
"งั้นก็ต้องเป็นเธอนั่นแหละที่ควรคุยเรื่องนี้กับคุณหมอ..."
"อย่าดีกว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องแล้วล่ะ ไว้ฉันค่อยเข้ามาใหม่กับคุณธีวันหลังละกัน"
"แต่คุณหมอคะ!"
ปณาลีส่ายหน้าแล้วหมุนตัวเดินจากมาโดยไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น ทำให้เจนจิราต้องรีบเดินตามโดยไม่ลืมที่จะหันไปทำตาขวางใส่นิศามนก่อน
"ไหนๆ ก็มาแล้ว ทำไมไม่ลองคุยกับนางดูสักหน่อยล่ะคะ ถ้าได้คุยด้วยคุณหมอจะรู้เลยว่ายายเด็กนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ"
"ไม่ต้องคุยด้วยก็รู้แล้วล่ะ..."
"เอ๊ะ..."
"ก็ผู้ชายคนไหนจะไม่ชอบบ้างล่ะผู้หญิงแบบนี้ เขาน่ารักนิสัยดี แล้วก็ดู...มีเสน่ห์น่าสนใจมาก เจอแวบเดียวฉันยังรู้สึกได้เลย"
"แล้วคุณหมอไม่กังวลเรื่องคุณธีหรือคะ..."
"ไม่"
"เจนไม่ได้อยากจะพูดให้คุณหมอคิดมากนะคะ แต่ว่าพักนี้คุณธีสสนิทกับนิศามนมาก ไปไหนก็พาหล่อนไปด้วยตลอด"
"ก็เขาต้องทำงานด้วยกัน"
"แต่คุณหมอก็ควรจะรีบตัดไฟแต่ต้นลม"
"ฉันไม่เคยยุ่งกับงานเขา แล้วก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายขนาดนั้นด้วย ที่สำคัญฉันไว้ใจคนของฉัน"
"เจนเข้าใจค่ะ แล้วก็ไม่ได้คิดจะระแวงว่าคุณธีจะปันใจให้หล่อนด้วย ใครๆ ก็รู้ว่าคุณธีรักคุณหมอมากขนาดไหน แต่เจนแค่ไม่อยากไว้ใจยายเด็กนั่นง่ายๆ ยิ่งท่าทางใสซื่อเหมือนไม่คิดอะไรแบบนั้นแหละค่ะยิ่งร้ายนัก"
"แต่ฉันว่าเราแค่คิดมากกันไปเองมากกว่า ท่าทางเขาก็ดูเป็นคนที่ตั้งใจทำงานจริงจังดี ไม่แปลกเลยที่คุณธีจะพอใจที่มีคนแบบนี้มาทำงานให้ ผู้หญิงท่าทางแบบนั้นคงไม่ได้คิดจะมาทำงานเพื่อเข้าหาเจ้านายแบบที่เรากังวลกันหรอก ยังเด็กขนาดนั้นด้วย..."
"โห... ไม่เด็กแล้วนะคะ ทั้งสาวทั้งสวยพริ้งอีกต่างหาก"
"หยุดเถอะเจน แล้วก็ช่วยไปบอกยายรุ้งด้วยนะว่าไม่ต้องเป็นห่วงฉัน เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีก เพราะหลังจากเจอนิศามนแล้วฉันก็มั่นใจได้ทันทีว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิดมากกับเรื่องไร้สาระพวกนี้อีกแล้ว"

แต่ถึงจะพูดออกไปด้วยท่าทางเสมือนมั่นอกมั่นใจเกินล้านปานนั้น แต่อันที่จริงเธอก็แค่พยายามวางท่าทีเพื่อไม่ให้เรื่องมันบานปลายเกินไปเท่านั้นเอง เพราะลึกๆ แล้วหลังจากเจอหน้านิศามนเธอก็อดที่จะหวั่นใจไม่ได้เหมือนกัน ซึ่งหลังจากที่เจนจิราโทรศัพท์ไปฟ้อง พราวรุ้งก็โทรถึงเธอทันที
"นี่มันไม่ใช่เปิ้ลคนที่ฉันรู้จักเลยสักนิด เพราะถ้าเป็นเปิ้ลตัวจริงต้องจัดการอะไรสักอย่างกับยายเด็กสตรอเบอรี่นั่นให้เรียบร้อยไปเลย ไม่ใช่ว่าพอเห็นหน้านางแล้วก็ป๊อด รีบเผ่นหนีกลับบ้านแทบไม่ทันโดยไม่ทำอะไรสักอย่าง"
"พอเถอะน่า หยุดเสี้ยมได้แล้ววว"
"โธ่ ก็มันขัดใจนี่นา เสียสถาบันเมียหลวงหมด"
"อย่าเรียกฉันแบบนั้นนะ!"
"อุ๊ย ขอโทษๆ!" พราวรุ้งอุทานแล้วรีบแก้ให้ "เสียสถาบันเมียหมด ฉันไม่เข้าใจเลยว่าพอเห็นหน้าตาใสแบ๊วของยายนั่นแล้วเธอยังเฉยอยู่ได้ยังไง อย่างน้อยก็ควรจะหาทางข่มขู่อะไรสักอย่างให้หล่อนเสียขวัญ ให้หล่อนรู้ไปเลยว่าอย่าบังอาจมายุ่งกับผัวฉัน...อะไรแบบเนี้ยยย!"
"เอาน่า ฉันจะหาทางจัดการในแบบของฉันเอง"
"แปลว่าจริงๆ แล้วเปิ้ลก็ดูออกใช่ไหม ว่ายายนั่นคิดไม่ซื่อกับคุณธีและไว้ใจไม่ได้"
"โหยยย เจอหน้าเขาแวบเดียวใครจะไปดูออก" ปณาลีตอบตามตรง 
"แต่มันก็เป็นอย่างที่ยายเจนเม้าท์นั่นแหละ ว่าตอนแรกหล่อนตั้งใจจะจับคุณพลิศ แต่พอรายนั้นเขารู้ทันและไม่เล่นด้วย หล่อนก็เลยเบนเข็มมาที่คุณธีแทน"
"แต่ว่า...หน้าตาท่าทางเขาไม่ใช่คนแบบนั้นเลยนะ เจนก็เม้าท์เว่อร์เกินไป"
"ฉันเองก็รู้จักหล่อนมาตั้งแต่เด็ก ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าหล่อนเป็นยังไง ยายเจนไม่ได้เว่อร์เลยย่ะ เธออย่าโลกสวยได้ไหมเปิ้ล"
"ก็ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นี่นา แต่ว่านะ...เขาก็หน้าตาคล้ายกับมนรดาจริงๆ นั่นแหละ อีกอย่าง...เขาเป็นผู้หญิงที่สดใสน่ารักมากเลยนะ ดูเป็นคนตั้งใจทำงานดีด้วย สีหน้าท่าทางอินเน่อร์ออร่ากิริยามารยาทก็มีเสน่ห์น่าสนใจ... ผู้ชายคนไหนได้เจอแบบนี้แล้วไม่ชอบก็นับว่าผิดปกติ"
"อย่าชมนางเยอะได้ไหม ทนฟังไม่ได้!"
"ก็ไม่ได้อยากจะชมหรอก เห็นแล้วก็ทั้งหมั่นไส้ทั้งอิจฉานิดๆ เหมือนกัน แต่คนเรามันก็ต้องหัดยอมรับความจริงบ้างนี่นา"
พราวรุ้งทำเสียงฮึดฮัดขัดเคืองตอบกลับมา "แล้วที่ว่าจะจัดการน่ะ เปิ้ลจะจัดการยังไง"
"ก็...ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่คงไม่ไประรานเขา มันตลก เพราะเขายังไม่ทันทำอะไรเลย"
"หรือเธอจะรอให้เรื่องมันเกิดขึ้นก่อนล่ะ ของแบบนี้ควรตัดไฟแต่ต้นลม... อ้อ...ฉันยังไม่เคยมีผัวหรอก แต่รู้ดี"
ได้ยินเพื่อนพูดดักคอแล้วปณาลีก็หัวเราะ เพราะเธอกำลังจะย้อนอีกฝ่ายแบบนั้นพอดี "ไม่ต้องห่วงนะ ฉันคิดว่าพอจะจัดการได้ หมายถึง...หาวิธีป้องกันในแบบของฉันเอง"
"ถ้าเปิ้ลมั่นใจแบบนั้นก็ตามใจละกัน มีอะไรจะให้ช่วยก็บอก อย่างน้อยเราก็ยังมียายเจนคอยสอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตาอีกแรง สู้ๆ นะเปิ้ล ฉันจะเป็นกำลังใจให้ อย่าให้ยายนั่นมาแย่งสามีไปได้เด็ดขาด!"
น้ำเสียงที่พยายามปลุกความฮึกเหิมจากปลายสายทำเอาปณาลีเกือบหลุดขำกิ๊ก พราวรุ้งดูจะจริงจังกับปัญหาครั้งนี้ยิ่งกว่าเธอที่เป็นภรรยาของธีวริทธิ์เสียอีก พลังริษยาของผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ และตัวเธอเองก็เช่นกัน...การได้พบนิศามนในวันนี้ ทำให้ปณาลีรู้ซึ้งทันทีว่าตัวเธอเองก็มีพลังริษยาซ่อนอยู่ไม่น้อยเลย เพราะเธอแสร้งทำเป็นเฉยเหมือนไม่ห่วง ไม่กังวล ไม่คิดมากอะไรทั้งสิ้น แต่จริงๆ แล้วเธอก็อดกลัวไม่ได้
"ว่าไง" เสียงของ'ปณิธิ'ผู้เป็นพี่ชายฝาแฝดของเธอเองดังขึ้นจากปลายสายทันทีเมื่อเขากดรับโทรศัพท์จากเธอ
"คุณธีมีเมียน้อย..."
"..."
"ฉันจะทำไงดีเนี่ย นายช่วยคิดหน่อยสิ"
"พี่ธีเนี่ยนะมีเมียน้อย!?"
"รู้งี้ฉันเชื่อที่นายเคยเตือนก็ดี ไม่น่าทำตัวเยอะใส่แล้วแกล้งกวนตีนเขาบ่อยๆ เลย ฉันควรจะเป็นเมียที่อ่อนหวานน่ารัก รู้จักเอาอกเอาใจ และตามใจเขามากๆ"
"เดี๋ยวนะ เป็นไปไม่ได้หรอกที่คนอย่างพี่ธีจะมีเมียน้อย แกฝันไปเองรึเปล่า ไม่มีทางอ่ะ"
"เออ... จริงๆ ก็ยังหรอก แต่แค่มีแนวโน้ม ฉันเครียดมากเลยตอนนี้ นึกไม่ออกว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดี จะถามเขาตรงๆ ก็เริ่มไม่ถูก"
ได้ฟังดังนั้นปณิธิถึงกับถอนหายใจใส่เธออย่างเหนื่อยหน่าย "ว่าแล้วเชียว"
"แต่เดี๋ยวนะ นายดูรูปผู้หญิงคนนั้นก่อนละกัน แล้วค่อยออกความเห็น รอแป๊บนะ" ว่าแล้วเธอส่งรูปนิศามนที่เคยได้มาจากพราวรุ้งไปให้เขาดู "เห็นยัง นางชื่อนิศามน เป็นคนที่ดูน่ารักมากเลย แล้วก็เด็กกว่าฉันเกือบสิบปี แถมตอนนี้ยังเป็นคนโปรดที่คุณธีปลื้มมาก เพราะนางทำงานเก่ง"
"หน้าคุ้นๆ นะ เหมือนแกเลยอ่ะ"
"ห๊า?"
"ฉันว่าเขาหน้าคล้ายๆ แกเลยนะเปิ้ล"
"ไม่จริง!ใครๆ ก็บอกว่าหล่อนเหมือนมนรดา แฟนเก่าภีม นายจำได้ไหม คนที่คุณธีเคยรักจะเป็นจะตาย..."
"เออ จริง มีส่วนคล้ายคนนั้นด้วย มิน่า...ถึงทำประสาทแดกได้ทั้งที่ยังไม่ทันมีอะไรเกิดขึ้น"
"ฉันควรทำไงดี ตอนนี้เขาทำงานใกล้ชิดกันมาก ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป นายว่ามันจะมีโอกาสเกิดขึ้นจริงไหม"
"พี่ธีรักแกจะตาย"
"แล้วมันจะเป็นตัวการันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือว่าเขาจะไม่เผลอใจแน่ๆ ถ้าเกิดนางน่ารักและดีมากๆ จนเขาหวั่นไหวขึ้นมาล่ะ..."
"นั่นน่ะสิ... เขามีส่วนคล้ายทั้งแกทั้งมนรดา ถ้าเขาทั้งเก่งและดีตรงสเป๊กพี่ธีมากๆ มันก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่พี่ธีจะปิ๊งเขาและเผลอใจ แกลองคิดดูสิว่าถ้าอยู่ๆ ก็ได้เมียใหม่ที่น่ารักถูกใจแบบเมียเก่าแทบทุกอย่างแต่ว่าเด็กกว่าตั้งเกือบสิบปี ผู้ชายจะรู้สึกยังไง แกเคยได้ยินไหมว่าผู้ชายบางคนก็ชอบแก้ตัวกับเรื่องทำนองนี้ว่าเขาพยายามหักห้ามใจและขัดขวางตัวเองทุกวิถีทางแล้ว แต่ปัจจัยหลายๆ อย่างมันทำให้กลายเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้..."
"อิปั๊บ!"
"ฉันก็ไม่ได้อยากจะพูดให้ใจเสีย แค่อยากจะเตือนให้แกหาวิธีรับมือไว้หน่อยก็ดี ถ้าพี่ธียังไม่ได้นอกใจก็ไปหาทางป้องกันซะ แต่อย่าให้เขารู้สึกว่าแกระแวงเสียจนเป็นโรคประสาทก็พอ"
"..."
"แกไหวไหมถามจริง"
"ไม่รู้สิ มันไม่เคย..."
ปณิธิฟังแล้วหัวเราะ แต่ก็พอจะเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่ายได้ ถ้าไม่กังวลจริงๆ คนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีและมั่นใจในตัวเองพอสมควรอย่างปณาลีคงไม่โทรมาขอคำปรึกษาและระบายให้เขาฟัง ในขณะที่ความรักทำให้คนเราเข้มแข็งได้อย่างไม่น่าเชื่อ มันก็ทำให้เราอ่อนแอได้อย่างที่สุดเช่นกัน
"แต่ตามความเห็นฉันนะ ฉันเชื่อว่าพี่ธีไม่มีทางนอกใจแกหรอกเปิ้ล ไม่มีทางเด็ดขาด"
"ถ้าเกิดเขามีเมียน้อยขึ้นมา ฉันจะฆ่านายนะ"
"เกี่ยวอะไรวะ!"
"ก็นายออกปากรับประกันให้เขานี่นา"
"งั้นลืมที่ฉันพูดซะดีกว่า!" ปณิธิพูดพลางสบถพึมพำอย่างขัดใจ
"ยายเจนบอกฉันว่า อาทิตย์หน้าคุณธีต้องไปทำงานที่ภูเก็ตกับทีมของนิศามน ฉันว่า...ฉันตามไปดีกว่า แต่วันนั้นฉันต้องเข้าเคสของพี่กอล์ฟกับภีม ฝากนายหาใครมาดมซีวีทีแทนฉันด้วยนะ"
"จะบ้าเหรอ อย่าป่วงจนเสียงานได้ไหม ตั้งสติหน่อย แล้วแกก็ควรหาวิธีที่มันดีกว่าการตามไปเฝ้าเขาเพราะไม่ไว้ใจดีกว่า"
"ทำไงอ่ะ"
"คิดเอาเองสิ ที่สำคัญพี่ธีรักแกจะตาย ไม่มีทางที่เขาจะนอกใจง่ายๆ หรอก"

แม้ว่าการคุยกับปณิธิจะทำให้ปณาลีมั่นใจในตัวเองขึ้นมาบ้างนิดหน่อย แต่ว่าการที่เธอได้พบกับนิศามนในวันนี้ มันทำให้หญิงสาวรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสามีในตอนค่ำ ทว่าก็คงมีแค่เธอที่รู้สึกผิดปกติไปเอง เพราะธีวริทธิ์ยังทำตัวปกติตามเดิมของเขาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มยังคงอ่อนโยนและมองเธอด้วยแววตารักใคร่อย่างอ่อนหวานนุ่มนวลแบบที่เคยเป็นเสมอมา...
"ได้ยินว่าวันนี้คุณแวะเข้าไปดูงานสตาร์ตอัพ ทำไมไม่บอกผมก่อน"
"จะเข้าไปหาสามีที่ออฟฟิศนี่ต้องแจ้งล่วงหน้าด้วยหรือคะ"
ธีวริทธิ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองหน้าภรรยาอย่างสงสัย แต่เธอหลบตาเขาอย่างมีพิรุธ ชายหนุ่มจึงหยุดมือที่กำลังจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต แล้วเดินเข้าไปจับตัวเธอไว้เพื่อจ้องหน้าตรงๆ
"นี่งอนอะไรรึเปล่า..."
"หือ?"
"งอนอะไรผม"
"เปล่า"
"งอนแน่ๆ" เขาสรุปและมองสีหน้าเฉไฉของเธอด้วยดวงตาคมกริบอย่างจับผิดเต็มที่
"ทำไมต้องงอนด้วยล่ะคะ หรือคุณไปทำอะไรผิดมา"
"คิดว่าไม่นะ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่คุณดูแปลกๆ"
"ไม่แปลกซะหน่อย"
"เมียทั้งคน มีอะไรผิดปกติไปทำไมผมจะดูไม่ออก ถึงจะผิดปกติแค่นิดหน่อยก็เถอะ ผมอาจจะไม่ใช่ผู้ชายละเอียดอ่อนอะไรนัก แต่คุณเป็นคนเดียวที่ผมจะรู้สึกได้ทันทีเวลาที่มีอะไรแปลกไป..."
"เก่งจัง" หญิงสาวเอ่ยปากชมเขาด้วยท่าทางหมั่นไส้แกมเขิน แล้วจึงเริ่มปลดกระดุมเสื้อให้เขาอย่างใจเย็น เธอรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนในการที่จะไม่เป็นฝ่ายขยับเพื่อแตะต้องตัวเธอ
"ยอมรับแล้วใช่ไหม ว่างอน"
คนขี้งอนส่ายหน้าปฏิเสธอย่างดื้อดึง
"ลูกนอนไปแล้วใช่ไหม"
"ค่ะ..."
"งั้น..."
"หยุดค่ะ ไปอาบน้ำก่อน"
"อาบให้หน่อยสิ เราไม่ได้อาบน้ำด้วยกันนานเท่าไหร่แล้ว... คุณมัวอาบให้แต่ลูก..."
"ทำหน้าตาอิจฉาลูกอีกแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกอิจฉายายหนูซะที"
"ก็จนกว่าคุณจะเลิกลำเอียง รักลูกมากกว่า..."
"คุณตามใจลูกยิ่งกว่าฉันอีก" ปณาว่าพลางค้อนเขายิ้มๆ
"แต่ผมก็ตามใจคุณเหมือนกัน"
"มีแต่ฉันสินะคะ ที่ไม่ค่อยยอมตามใจคุณเลย... งั้นคืนนี้ยอมตามใจก็ได้..."
ได้ฟังดังนั้นธีวริทธิ์ก็พลันชะงัก คิ้วคมเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ "แปลก... ทำไมใจดีจัง"
"แล้วไม่ดีหรือคะ"
"ดีสิ ดีที่สุด... แต่ว่า..."
"งั้นถ้าพูดมากจะใจร้ายเหมือนเดิมนะ..."
"ก็ได้ที่รัก... ผมจะพูดให้น้อยที่สุด คืนนี้เปิ้ลใจดีกับผมให้มากๆ เลยนะ"

No comments:

Post a Comment